ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าเกิดจากพันธุกรรมและความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค ไม่ใช่โรคติดต่อ ยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาดได้ ส่งผลกระทบต่อร่างกาย จิตใจและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย สังคมคนรอบข้างรังเกียจ ไม่อยากเข้าใกล้ ผู้ป่วยเด็กต้องขาดเรียนเวลาที่ผื่นเห่อ เพื่อนไม่กล้าเล่นด้วย ผู้ป่วยผู้ใหญ่มีความอับอาย ไม่กล้าเข้าสังคม แยกตัวจากสังคม เพราะเกรงว่าจะเป็นที่รังเกียจ ไม่มีใครรับเข้าทำงานเนื่องจากมีความเชื่อที่ผิดคิดว่าเป็นโรคติดต่อ
โรคสะเก็ดเงินเกิดได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง พบได้ในทุกช่วงอายุ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยพบบ่อยใน2ช่วงอายุ คือ ช่วงวัยรุ่นถึงวัยรุ่นตอนปลาย อายุประมาณ20ปี และวัยผู้ใหญ่ อายุประมาณ55-60ปี สาเหตุของโรคสะเก็ดเงิน เชื่อว่าเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันเม็ดเลือดขาวT lymphocyteเฉพาะที่ผิวหนัง หลั่งสารมากระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังแบ่งตัวเร็วกว่าปกติ ทำให้เกิดผื่นที่มีสะเก็ดหนา นอกจากนี้ยังเชื่อว่าเกิดจากพันธุกรรม มียีนที่เป็นสาเหตุหลายชนิดครอบครัวที่มีพ่อหรือแม่เป็นโรคสะเก็ดเงิน ลูกจะมีโอกาสเป็น สะเก็ดเงินสูงกว่าคนทั่วไป
ส่วนอาการผื่นผิวหนังเป็นได้หลายรูปแบบ ที่พบบ่อย คือ ผื่นแดงขอบเขตชัดเจน มีขุ่ยหรือสะเก็ดสีเงินปกคลุมหนา (Silvery-white scale)เมื่อลอกขุยออกจะมีจุดเลือดออก (Auspitz sign)ขนาดผื่น มีตั้งแต่ ขนาดเล็กเท่าหยดน้ำ (Guttate Psoriasis)หรือผื่นขนาดเท่าเหรียญหรือปื้นขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือ(Chronic Plague type Psoriasis)หรือเป็นตุ่มหนอง (Pustular Psoriasis)พบผื่นบริเวณหนังศีรษะ ลำตัว แขน ขา เป็นๆ หายๆ บางรายผื่นเป็นแดงทั่วตัวจนไม่เหลือผิวหนังปกติ (Psoriasis Erythroderma)ความผิดปกติอื่นๆที่อาจพบได้ คือ เล็บมือ เล็บเท้าผิดปกติ เล็บเป็นหลุม เล็บร่อน เล็บโดนทำลาย มีข้ออักเสบ ปวดบวม แดงร้อน ข้อผิดรูปได้ พบได้ประมาณ 20- 40%โดยผู้ป่วยอาจมีอาการผิดปกติของเล็บหรือปวดข้อนำมาก่อน หรือเกิดขึ้นพร้อมๆกับอาการผื่นที่ผิวหนัง
การรักษาโรคสะเก็ดเงินมีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของผู้ป่วยแต่ละคน ในกรณีที่ผื่นเป็นน้อยพิจารณารักษาด้วยยาทาเฉพาะที่เช่น ยาทากลุ่มสเตียรอยด์ กลุ่มไวตามินดี ยาทาน้ำมันดิน กรณีที่ผื่นเป็นมาก กระจายทั่วร่างกาย ควรพิจารณารักษาด้วยการฉายแสงอัลตร้าไวโอเลต 2-3ครั้งต่อสัปดาห์เป็นเวลา 3 เดือน ผลการรักษาค่อนข้างดี ผลข้างเคียงน้อยหรือถ้าผู้ป่วยไม่สะดวกมาฉายแสงอัลตร้าไวโอเลต ที่โรงพยาบาล อาจพิจารณารักษาด้วยยารับประทานเช่น ยาMethotrexate NeotigasonและCyclosporineเป็นต้น ยาเหล่านี้ ผลการรักษาค่อนข้างดีเช่นกัน แต่มีผลข้างเคียงต่อระบบเม็ดเลือด ตับ ไต ผู้ป่วยต้องมาพบแพทย์เป็นระยะ มีการเจาะเลือดเพื่อเฝ้าระวังผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
แต่ในรายที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยารับประทานหรือการฉายแสงอัลตร้า ไวโอเลตอาจพิจารณารักษาด้วยยาฉีดBiologicsผลการรักษาค่อนข้างดีเช่นกันแต่มีราคาแพง นอกจากนี้ผู้ป่วยต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่อาจทำให้ผื่นกำเริบได้ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ดื่มสุรา ไม่หมกมุ่นอยู่กับปัญหาเดิมๆที่แก้ไขไม่ได้ ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อกำจัดความเครียดแอบแฝง ผู้ป่วยต้องมีความเข้าใจในตัว สะเก็ดเงิน มองโลกในแง่บวก และปรับตัวอยู่กับโรคสะเก็ดเงินได้อย่างมีความสุข คนในครอบครัวและสังคมรอบข้างต้อง ให้รอยยิ้ม ให้กำลังใจผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยมีอาชีพ มีงานทำ เพื่อให้ผู้ป่วยไม่เป็นภาระกับใคร